บอลโลก จุดเริ่มต้นแห่งมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่

ปี 1930 เป็นครั้งแรกที่มีการแข่งขัน บอลโลก ถือกำเนิดขึ้น โดยเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ ที่ไม่ได้มีการแข่งในรอบคัดเลือก เนื่องจาก KUBET จะเล่าว่าในครั้งนั้น ทีมที่ได้เข้าร่วมรายการ ก็คือทีมที่ได้รับเชิญจากเจ้าภาพอุรุกวัย และเป็นชาติที่สามารถเดินทางไปยังสถานที่จัดการแข่งขันได้

ซึ่งส่งผลให้ในครั้งนั้น ทีมกว่าครึ่งเป็นทีมในอเมริกาใต้ แล้วก็โซนคอนคาเคฟ โดยที่มีบางส่วนเท่านั้นที่มาจากยุโรป แต่ไม่มีทีมที่มาจากแอฟริกา เอเชีย หรือออสเตรเลีย เข้าร่วมการแข่งขันนี้ในปี 1930 แม้แต่ทีมเดียว เนื่องจาก KUBETVIP ได้เปิดเผยว่า ในยุคนั้นต้องเดินทางกันนานมาก สำหรับการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และหลายชาติไม่ได้สะดวกในเรื่องนี้

หลังจากนั้นเป็นต้นมา KUBETVIP เผยว่า การแข่งขันก็จะมีรอบคัดเลือกทั่วโลก เพื่อหาทีมที่เป็นตัวแทนในแต่ละทวีป เข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย ที่มีประเทศเจ้าภาพรับหน้าที่จัดการแข่งขัน ซึ่งการแข่งก็ดำเนินต่อเนื่องมาในปี 1934 และ 1938 ก่อนที่จะหยุดไป 12 ปี เนื่องด้วยพิษจากภัยสงครามโลกครั้งที่ 2

รูปแบบการแข่งขัน

ในการแข่งขันที่มีทุก 4 ปี ก็จะมีทั้งในรูปแบบที่รอบแรกจะใช้เป็นรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งใช้ในปี 1930 แล้วก็กลับมาใช้อีกทีในปี 1950 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน จะมีแค่ในปี 1934 และ 1938 เท่านั้น ที่การแข่งขันในรอบแรก ใช้เป็นรูปแบบรอบน็อกเอาต์ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ แบบที่สมาชิก KUBETVIP ได้ทราบ

โดยส่วนใหญ่ในฟุตบอลโลก ก็จะมีรอบแบ่งกลุ่มแค่รอบเดียว แต่ก็มีอยู่หลายครั้งเลย ที่มีรอบแบ่งกลุ่มถึงสองรอบ อย่างเช่นในปี 1950 ที่รอบแรกใข้เป็นรอบแบ่งกลุ่ม โดยทีมที่เป็นแชมป์กลุ่มของ 4 กลุ่ม จะได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ที่ยังคงใช้เป็นรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนที่ อุรุกวัย จะทำผลงานแข่ง 3 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 คว้าแชมป์โลก 1950 บนแผ่นดินบราซิลได้สำเร็จ

แต่นับจากนั้น การแข่งก็กลับมาใช้รอบแบ่งกลุ่มแค่รอบแรก หาทีมเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ ก่อนที่ในปี 1974 จะนำการแข่งรอบแบ่งกลุ่มแบบสองรอบกลับมาใช้ แล้วก็ใช้ต่อเนื่องในปี 1978 และ 1982 แล้วหลังจากนั้นก็เป็นรอบแบ่งกลุ่ม แค่รอบแรกรอบเดียว ถัดจากนั้นก็เป็นรอบน็อกเอาต์ยาวไปถึงรอบชิงชนะเลิศ และเป็นแบบนั้นมาจนถึงทุกวันนี้
KUBETVIP จะกล่าวโดยสรุปคือ

• 1930 รอบแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่ม แชมป์กลุ่มได้ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์
• 1934 และ 1938 รอบแรก คือ รอบน็อกเอาต์ จนถึงรอบชิงชนะเลิศ
• 1950 รอบแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่ม แชมป์กลุ่มได้เข้ารอบแบ่งกลุ่ม รอบสุดท้าย ทีมแชมป์กลุ่มคือแชมป์โลก
• 1954 ถึง 1970 รอบแบ่งกลุ่ม หาทีมเข้ารอบน็อกเอาต์
• 1974 ถึง 1982 รอบแบ่งกลุ่ม 2 ครั้ง หาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศ
• 1986 ถึง ปัจจุบัน รอบแบ่งกลุ่ม หาทีมเข้ารอบน็อกเอาต์

ก็จะเห็นได้จากข้อมูลของ KUBETVIP ว่า การแข่งขันมีการปรับปรุงให้มีความน่าสนใจ ไม่จำเจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้รับผลตอบรับหลากหลายแบบ ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม รูปแบบการแข่งขันในปี 1986 เป็นต้นมา และจำนวนทีม 32 ทีมที่มีตั้งแต่ปี 1998 คือสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ

จำนวนทีมที่เข้าร่วมรายการ

สำหรับในการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งแรกในปี 1930 ที่ประเทศอุรุกวัย มี 13 ทีมเท่านั้นที่เข้าร่วมการแข่งขัน และในระหว่างปี 1930-1950 ก็จะมี 13-15 ทีมที่เข้าร่วมชิงชัย จนกระทั่งในปี 1954 สมาชิก KUBETVIP ก็จะเห็นได้แต่นี้ว่า มันได้ยึดให้มีทีมเข้าร่วมรายการ 16 ทีม แล้วก็ใช้จำนวนทีมเท่านี้ต่อเนื่องไปจนถึงปี 1978

จนกระทั่งการแข่งในปี 1982 มีการเพิ่มทีมขึ้นอีกให้เป็น 24 ทีม ที่เข้าร่วมการแข่งขัน และใช้จำนวนทีมเท่านี้ไปจนถึงปี 1994 ก่อนที่ในปี 1998 จะปรับเพิ่มจำนวนทีมขึ้นอีกเป็น 32 ทีม แล้วก็ยึดจำนวนนี้มาจนถึง 2022 ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับการแข่งขันในครั้งถัดไป จะมีการเพิ่มจำนวนทีมขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ก็จะเป็น 48 ทีม ในการแข่งขันปี 2026

ทีมที่เคยเป็นแชมป์

ทีมที่เป็นแชมป์ครั้งแรกก็คือ อุรุกวัย สำหรับการแข่งขัน ในปี 1930 ซึ่งพวกเขาเป็นเจ้าภาพ แล้วก็คว้าแชมป์ได้สำเร็จ ซึ่ง KUBETVIP เผยว่า ก่อนที่จะได้แชมป์อีกครั้งในปี 1950 ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ด้วยการเอาชนะเจ้าภาพ บราซิล 2-1 ในเกมนัดตัดสิน ท่ามกลางผู้ชมกว่า 173,000 คน ที่สนามเอสตาดิโอ โด มาราคาน่า

อิตาลี คือทีมจากยุโรปทีมแรก ที่เป็นแชมป์โลกได้ในปี 1934 และ 1938 ท่ามกลางข้อครหาว่าการคว้าแชมป์ในสมัยนั้น มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แบบที่ชาว KUBETVIP บางคนทราบกัน ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในปี 1982 และ 1986

หลังผ่านพ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1954 ก็มีทีมแชมป์เพิ่มขึ้นมาอีกทีม ก็คือ เยอรมนีตะวันตก และนับแต่นั้นมา พวกเขากลายมาเป็นมหาอำนาจแห่งวงการลูกหนัง KUBETVIP เผยว่า พวกเขาเข้ารอบลึกได้อยู่เป็นประจำ ในรอบ 4 ทีมสุดท้ายมักจะมี อินทรีเหล็ก อยู่ด้วยเสมอ และพวกเขาคว้าแชมป์ได้ในปี 1974, 1990 และ 2014

ในอเมริกาใต้ KUBETVIP เผยว่า ไม่ได้มีแค่ อุรุกวัย ทีมเดียวที่เคยเป็นแชมป์ เพราะ บราซิล ที่มีผู้เล่นอย่าง เปเล่ เป็นกำลังสำคัญ ก็คว้าแชมป์โลกได้ในปี 1958, 1962 และ 1970 สำหรับทีมชุดนั้น ก่อนที่พวกเขาจะคว้าแชมป์เพิ่มได้อีกสองครั้งในปี 1994 และ 2002 ถือเป็นทีมที่คว้าแชมป์ ได้มากที่สุด (5 สมัย) ตลอดกาล

นอกจากทั้ง 4 ทีมที่ว่านี้ ก็มีอีกหลายทีมที่เคยคว้าแชมป์ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ยังมีทีม อังกฤษ (1966), อาร์เจนติน่า (1978, 1986), ฝรั่งเศส (1998, 2018) และ สเปน (2010) ดังนั้นเท่ากับว่า มีอยู่ 8 ชาติเท่านั้น ที่เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครอง  

ทีมที่ได้แชมป์มากที่สุด

แน่นอนว่าทีมนั้นก็คือ บราซิล ที่สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้ถึง 5 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงปี 1958-1970 KUBETVIP ยังพบว่า การแข่งสี่ครั้ง พวกเขาคว้าแชมป์ได้ถึงสามครั้งในช่วงนั้น ซึ่งเป็นยุคที่มีราชาลูกหนังอย่างเปเล่ โดยเฉพาะในปี 1970 ที่ถือได้ว่าเป็นชุดที่ขุนพลแซมบ้าถูกยกย่องว่า “ไร้เทียมทาน” อย่างแท้จริง

แชมป์ 3 สมัยแรกของ บราซิล KUBETVIP เผยว่า ได้รับคำชมว่าพวกเขาเล่นเกมรุกได้อย่างสวยงาม แต่สำหรับการคว้าแชมป์ในปี 1994 นั้นต่างกันออกไป เพราะกุนซืออย่าง คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์ไรร่า ทำให้ทีมเน้นเกมรับมากกว่าที่เคยเป็น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ประสบความสำเร็จได้ตามเป้า

ส่วนในปี 2002 KUBETVIP เผยว่า นั่นเป็นอีกครั้งที่ บราซิล โชว์ฟอร์มได้สมราคาทีมเต็ง พวกเขากวาดชัยชนะได้ 7 นัดรวด โดยที่ชนะใน 90 นาทีได้ทุกนัด คว้าแชมป์โลกโดยที่มีสามประสานอย่าง โรนัลโด้, ริวัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ เป็นขุนพลกำลังสำคัญ และเป็นทีมเดียวเท่านั้น ที่ทำผลงานชนะรวดได้ 7 นัด ตลอดทั้งรายการ

ทีมที่เข้าชิงมากที่สุด แต่ไม่เคยได้แชมป์

ทีมที่โชคร้ายทีมนั้นก็คือ เนเธอร์แลนด์ ซึ่ง KUBETVIP เผยว่า พวกเขาเคยผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ บอลโลก มาแล้ว 3 ครั้ง โดยในปี 1974 พวกเขาแพ้ให้กับเจ้าภาพ เยอรมนีตะวันตก 1-2, ปี 1978 แพ้ให้กับเจ้าภาพ อาร์เจนติน่า 1-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และในปี 2010 พวกเขาแพ้ สเปน 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ทีมที่ตกรอบแรกมากที่สุด

สำหรับสถิตินี้ มีอยู่ 2 ทีมที่แชร์สถิติร่วมกัน ก็คือ เกาหลีใต้ กับ สก็อตแลนด์ โดยพวกเขาผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย แล้วก็ร่วงตกรอบแรกกันไปทีมละ 8 ครั้ง และสำหรับฟุตบอลโลก 2022 ในครั้งนี้ KUBETVIP เผยว่า เกาหลีใต้ มีโอกาสที่จะเพิ่มสถิติเป็น 9 ครั้ง หากพวกเขาไม่สามารถผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ได้ โดยพวกเขาอยู่ร่วมกลุ่มกับ โปรตุเกส, กาน่า และ อุรุกวัย

เป็นแชมป์เก่า ก็ตกรอบแรกได้

ในการแข่งขัน บอลโลก ในแต่ละครั้ง ทีมที่เป็นแชมป์มาในการแข่งครั้งที่แล้ว มักถูกคาดหวังว่า จะทำผลงานได้ดี มีลุ้นที่จะป้องกันแชมป์ได้อีกสมัย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีอยู่หลายครั้ง ที่เราได้เห็นแชมป์เก่าต้องร่วงตกรอบแรก เริ่มตั้งแต่ อิตาลี (1950), บราซิล (1966), ฝรั่งเศส (2002), อิตาลี (2010), สเปน (2014) จนมาถึงในครั้งล่าสุดก็คือ เยอรมนี (2018)

ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล

ในการที่ผู้เล่นสักคน จะก้าวขึ้นมาติดอันดับดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล แน่นอนว่าผู้เล่นรายนั้นขอเพียงแค่ได้เล่น บอลโลก สักครั้ง ก็มีโอกาสที่จะทำสถิตินี้ได้ และครั้งนึงเคยมีดาวยิงชาวฝรั่งเศส ที่ชื่อ ชุสต์ ฟ็องแต็ง KUBET เผยว่า เคยทำสถิติลงเล่นในรายการนี้แค่ครั้งเดียว แต่ทำได้ 13 ประตู และนับตั้งแต่ปี 1958 ในครั้งนั้นเป็นต้นมา เขาก็ครองสถิติมานานหลายปี

จนกระทั่งมีผู้เล่นมาทำลาย ก็คือ แกร์ด มุลเลอร์ ยอดดาวยิงของเยอรมนีตะวันตก ที่ทำได้ 14 ประตู จากการเล่น บอลโลก สองสมัย (10 ประตูในปี 1970 และอีก 4 ประตูในปี 1974) แล้ว KUBETVIP เผยว่า สถิติของเขาก็ยืนยงมานานหลายสิบปีเลยทีเดียว

การทำประตูในปี 1998, 2002 และ 2006 ของ โรนัลโด้ กองหน้าทีมชาติบราซิล ที่ทำได้รวมกัน 15 ประตู ได้กลายมาเป็นสถิติใหม่ของการทำประตูในรายการนี้ อย่างไรก็ตาม สถิติของ R9 ไม่ได้อยู่บนแท่นนานสักเท่าไรนัก เพราะหลังจากนั้น ชายที่ชื่อ มิโรสลาฟ โคลเซ่ จ้าวเวหาจากเยอรมนี ก็ทำ 16 ประตู ในการแข่งปี 2002, 2006, 2010 และ 2014

และนั่นเท่ากับว่าในเวลานี้ สถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลใน บอลโลก ก็คือ โคลเซ่ ที่ทำได้ 16 ประตู และอาจเป็นสถิติที่ถูกเขายึดครองไปตลอดกาล หรือไม่แน่ว่าในการแข่งขันครั้งนี้ อาจจะมีผู้เล่นคนไหนสักคน ที่สามารถทำลายสถิติของเขาได้

ผู้เล่นใน บอลโลก 2022 ที่มีสิทธิ์ทำลายสถิติของ โคลเซ่

มันอาจจะเป็นไปได้ยากมาก ๆ สำหรับผู้เล่นที่เข้าร่วมรายการนี้เป็นครั้งแรก แล้วจะลงเล่นไม่เกิน 7 นัด แต่ทำได้ 17 ประตู แซงหน้าสถิติ 16 ประตูของ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ไปได้ KUBETVIP เผยว่า ดังนั้นคนที่มีโอกาสทำได้ ก็ต้องเป็นคนที่เคยฝากผลงานทำประตูเอาไว้ ในการแข่งขันครั้งก่อนหน้า

โธมัส มุลเลอร์ คือผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดใน บอลโลก สำหรับคนที่ยังคงค้าแข้งอยู่ และจะได้เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ โดยเขาทำสถิติเอาไว้ 10 ประตูให้กับทีมชาติเยอรมนี (2010 และ 2014) ส่วนคนที่มีโอกาสรองลงมา ก็คือ หลุยส์ ซัวเรซ (อุรุกวัย) และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) ที่เคยทำไว้ 7 ประตู

ส่วนผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่เตรียมเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า), แฮร์รี่ เคน (อังกฤษ) และ เนย์มาร์ (บราซิล) ทำได้คนละ 6 ประตูเท่านั้น แต่ KUBETVIP เผยว่า พวกเขาก็ยังคงมีโอกาสที่จะเพิ่มสถิติของตนเอง ให้ขยับเพิ่มสูงขึ้นไป และไม่แน่เหมือนกันว่าในวันหนึ่ง อาจจะแซงหน้าสถิติของ โคลเซ่ จนสำเร็จก็ได้

ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำรายการ

รางวัลนี้ถ้าหากเป็นในช่วงแรก ๆ เราจะได้เห็นผู้เล่นจากชุดแชมป์ ที่ได้รับรางวัล โดย บอลโลก 9 จาก 13 ครั้งแรกก็เป็นแบบนั้น (โฮเซ่ นาซัซซี่  (อุรุกวัย 1930), จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า (อิตาลี 1934), ดิดี้ (บราซิล 1958), การ์รินช่า (บราซิล 1962), บ็อบบี้ ชาร์ลตัน (อังกฤษ 1966)

ถัดจากนั้น KUBETVIP เผยว่า ก็จะมี เปเล่ (บราซิล 1970), มาริโอ เคมเปส (อาร์เจนติน่า 1978), เปาโล รอสซี่ (อิตาลี 1982) และ ดีเอโก้ มาราโดน่า (อาร์เจนติน่า 1986)

แต่ถ้านับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา บอลโลก 7 ครั้ง มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ที่ผู้เล่นยอดเยี่ยมของรายการ ได้เป็นแชมป์โลกกับทีมชาติ ก็คือ โรมาริโอ (บราซิล 1994) จนทำให้หลายคนมองว่า นี่เป็นรางวัลปลอบใจ ที่มอบให้กับผู้ที่อกหักชวดแชมป์ในรายการนี้ แบบที่เราได้เห็นจากหลายต่อหลายคน

KUBETVIP เผยว่า ไม่ว่าจะเป็น โรนัลโด้ (บราซิล 1998), โอลิเวอร์ คาห์น (เยอรมนี 2002), ซีเนอดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส 2006), ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า 2014) และ ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย 2018) ซึ่งพวกเขาเหล่านี้เป็นรองแชมป์กันทั้งหมด แต่ก็ได้รับเกียรติให้คว้ารางวัล MVP ของรายการ สำหรับผลงานใน บอลโลก ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์  

ผู้เล่นที่ลงเล่นมากที่สุด

ถ้าหากนับเป็นจำนวนนัด คนที่ครองสถิตินี้ก็คือ โลธ่าร์ มัทเธอุส ลิเบอโร่ทีมชาติเยอรมนี ที่ลงเล่นไปทั้งหมด 25 นัด ในฟุตบอลโลก 1982-1998 แต่ถ้าหากจะนับเป็นจำนวนนาที KUBETVIP เผยว่า ผู้ที่ครองสถิตินี้ก็คือ เปาโล มัลดินี่ กองหลังทีมชาติอิตาลี ที่ลงเล่นไป 2,217 นาที ในช่วงปี 1990-2002

คนที่ได้แชมป์มากที่สุด

คนผู้นั้นมีเพียงแค่หนึ่งเดียว ก็คือ เปเล่ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาลูกหนังโลก จากการที่เขาคว้าแชมป์โลกได้ 3 สมัยกับทีมชาติบราซิล (1958, 1962 และ 1970) แต่ในปี 1962 ครั้งนั้น เปเล่ ได้ลงเล่นในรอบแรกแค่ 2 นัด ก่อนที่เขาจะเจ็บยาวตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ อย่างไรก็ตามก็ยังคงถือว่า ไข่มุกดำ คนนี้ คือแชมเปี้ยนตัวจริง จากการอยู่ในทีมชุดที่ได้แชมป์มาถึง 3 ครั้ง

แต่ถ้าเรานับสถิติผู้เล่นที่ได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศ บอลโลก มากที่สุด KUBET เผยว่า คนนั้นก็คือ คาฟู แบ็คขวาทีมชาติบราซิล ที่ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศ 1994, 1998 และ 2002 โดยที่คว้าแชมป์ได้สองครั้ง